วัดโพธิ์ชัยศรี(วัดหลวงพ่อนาค)







วัดโพธิ์ชัยศรี(วัดหลวงพ่อนาค)
ประวัติหลวงพ่อนาค

พระพุทธรูปปางนาคปรกซึ่งลักษณะมีนาค7หัวชูคออยู่เหนือเศียรองค์พระแล้วขมวดหางเป็นวงขดเข้าหากันทำเป็นแท่นประทับขององค์พระมีขนาดต่างๆกันใหญ่บ้างเล็กบ้างและวงขดกว้างกันมี3ชั้นบ้าง5ชั้นบ้าง7ชั้นบ้างแล้วแต่ความนิยมของผู้สร้างในสมัยนั้นๆหลวงพ่อนาคนี้เป็นพระเก่าแก่องค์หนึ่งซึ่งผู้สร้างได้จารึกอักษรไว้ตรงแท่นพระเป็นอักษรตัวธรรม(ไทยน้อย)โบราณแต่ผู้รักอักษรธรรมโบราณมีสองท่านได้อ่านไว้แล้วบอกกันต่อๆกันมา(ขณะนี้ท่านทั้งสองได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว)มีความว่าสร้างเมื่อ ปี จ.ศ.170 แห่งพุทธกาลปีจอเดือน3ขึ้น13ค่ำยามกลองแลงหัวครูคำวงษาเป็นผู้สร้างท่านผู้สร้างคงเป็นพระที่อภิญญาณแน่นอน เมื่อ พ.ศ.2530 พระราชปรีชาญาณมุนีเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย
(วัดโพธิ์ชัย)ได้อ่านไว้ว่าสร้าง จ.ศ.170 (พ.ศ.1353) เดือน 5 ขึ้น 13 ค่ำยามกลองแลง (ฤกษ์เททองเวลา17.00น.ถึง17.30น.) ปีจอ หัวครูคำวงษา เป็นผู้สร้างรูปลักษณะของหลวงพ่อนาคองค์นี้สวยงามน่าเลื่อมใสมากโดยเฉพาะพระพักตร์(ใบหน้า)ดูเหมือนว่าองค์ท่านยิ้มนิดๆอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาและในองค์ของหลวงพ่อนาคนั้นมีผู้เล่าต่อๆกันมาว่าตรงหัวใจขององค์ท่านเป็นทองคำแท้อยู่ภายในและมีอัฐิธาตุ(กระดูก)ของพระอรหันต์บรรจุอยู่ภายในนั้นด้วยจึงทำให้องค์ท่านบางครั้งมีรัศมีเปล่งออกมามีผู้พบเห็นเล่ากันต่อๆมาและมีความศักดิ์สิทธิ์มากเหลือที่เราปุถุชนคนธรรมดาจะคิดให้รู้หมดความสงสัยได้ถ้าพูดตามภาษาธรรมะเรียกว่าเป็นอจินไตยแปลว่าใครๆไม่ควรคิดถ้าใครขืนคิดผู้นั้นจะถึงความเป็นบ้าเพราะคิดไม่ออกนั่นเลยเพราะมิใช่วิสัยของปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆจะคิดได้แต่เป็นนิสัยของผู้ที่มีอภิญญาญาณอันแก่กล้าแล้วเท่านั้นจะรู้ได้โดยไม่ ต้องสงสัย
บ่อน้ำวัดโพธิ์ชัยศรีมีสิ่งมหัศจรรย์
วัดแห่งนี้มีบ่อน้ำบ่อหนึ่งมีน้ำใสสะอาดดีใช้ดื่มก็ได้มีความลึกประมาณ8-9เมตรมีรู้น้ำไหลออกอยู่ตลอดเวลาแต่ก็แปลกใจอยู่ว่าน้ำในบ่อแห่งนี้ถ้าในฤดูหนาวน้ำในบ่อจะอุ่นมากกว่าบ่อน้ำทั่วๆไปพอฤดูร้อนน้ำในบ่อแห่งนี้จะเย็นจนหนาวซึ่งเย็นผิดปกติกว่าบ่อน้ำทั่วไปภายใต้พื้นของบ่อน้ำแห่งนี้จะมีถ้ำและรูใหญ่ขนาดตัวคนคลานเข้าไปได้ทราบว่าเป็นรูจากกันบ่อยาวไปทะลุลำห้วยอีกแห่งหนึ่งห่างจากบ่อน้ำนี้ไปทางทิศตะวันออกประมาณกิโลเมตรจะพอสังเกตได้ว่าเมื่อเวลาคุ(กระแป๋งที่สานด้วยไม้ไผ่ใช้ขี้ชันน้ำมันยางผสมกันทาตากให้แห้งแล้วใช้ตักน้ำของภาคอีสาน)หรือกระแป๋งกระถังตักน้ำตกลงไปในบ่อเจ้าของใช้ไม้ขอหยั่งลงไปกันบ่อคุ้ยหาก็ไม่พบต่อมามีคนไททอดแหหาปลาที่ลำห้วยนั้นไปเจอกระแป๋งคนนั้นเข้าจึงสันนิษฐานว่ารูกันบ่อน้ำต้องยาวไปถึงลำห้วยแน่กระแป๋งของคนนั้นจึงมาอยู่ที่ลำห้วยได้ในบ่อน้ำแห่งนี้มีสิ่งที่มหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งข้าพเจ้าได้ฟังมาว่าใครไปตักน้ำแห่งนี้อาบแล้วโดยเฉพาะเป็นผู้หญิงถ้าใครเอาผ้าซิ่น(ผ้าถุง)ไปวางไว้ที่ปากบ่อน้ำแห่งนี้แล้วพอรุ่งเช้าวันใหม่น้ำในบ่อนี้จะแห้งหมดทันทีชาวบ้านก็ไม่มีน้ำใช้น้ำดื่มต่อไปผู้เล่าให้ฟังบอกข้าพเจ้าว่าในชีวิตนี้เป็นหลายครั้งแล้วและปัจจุบันนี้ก็ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ตามเดิมแต่ก็มีพิธีแกให้น้ำปกติได้โดยชาวบ้านตีกลองรวมกันแล้วมีดอกไม้ธูปเทียนมือถือขันเปล่าคนละใบแห่ไปตัดเอาน้ำที่ลำห้วยดังกล่าวแล้วตักน้ำมาคนละขันนำมาเทลงบ่อน้ำนี้พอรุ่งเช้าวันใหม่น้ำก็จะเต็มขึ้นมาถึงระดับปกติอย่างแต่ก่อน

แหล่งที่มา http://province.m-culture.go.th/udonthani/boranwudtu/luangpornark.php

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

About this blog